แตงโม นิดา ควงคุณแม่ ภนิดา เปิดใจสัมพันธ์

แตงโม นิดา ควงคุณแม่ ภนิดา เปิดใจสัมพันธ์

แตงโม นิดา ควงคุณแม่ ภนิดา เปิดใจสัมพันธ์ หลังขัดแย้งมานับ 10 ปี

แตงโม นิดา ควงคุณแม่ ภนิดา เปิดใจสัมพันธ์ ดาราหนังสาว แตงโม นิดา ที่วันนี้ควง ม่าม้าภนิดา มาเปิดใจเป็นครั้งแรก ภายหลังขัดแย้งมานับ 10 ปี ย้อนเล่าชีวิตในวัยเด็ก บิดา แม่ แยกทาง ย้ายบ้าน เปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพท์หนีแม่ พร้อมเผยทางความรักกับแฟนชายหนุ่มนอกแวดวง ผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ แล้วก็ บูม สุภาพเรียบร้อยร เป็นโฆษกดำเนินรายการ

ป๋า ม่าม้าแยกทางกันตั้งแต่ 3 ขวบ?

แตงโม : “ใช่จ้ะ ในขณะนั้นถามคำถามว่าทราบไหม ก็ยังงวยงงๆก็จะพอเพียงรู้อยู่ว่าป๋า แม่มีปากมีเสียง ครู่หนึ่งก็จะมีความคิดว่าเพราะอะไรเหลือแค่ป๊ะป๋าผู้เดียว กระทั่งโตขึ้นมาหน่อยถึงทราบดีว่าป๋า ม่าม้าแยกทางกัน”

นี่เป็นครั้งแรกที่คุณแตงโมและก็แม่ให้เกียรติรายการคุยแซ่บShow ต้องการที่จะให้ย้อนไปนิดหน่อยว่าตอนวัยเด็กพวกเราดำเนินชีวิตกันอย่างไร?

แตงโม : “ขณะที่อยู่กับพ่อ อย่างที่คนไม่ใช่น้อยมองเห็น ป๋าเป็นคุณพ่อเลี้ยงคนเดียว ทดลองไม่ถูก ทดลองถูกด้วยตัวเอง ป๋าบากบั่นเติมเต็มให้พวกเรา เนื่องจากพวกเรามิได้อยู่กับม่าม้า แม้กระนั้นบางเรื่องที่เกิดเรื่องเพศหญิง ดังเช่น เรื่องของรอบเดือน ป๊ะป๋าก็ยังชูให้เป็นหน้าที่ของแม่อยู่ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการหารืออะไรประมาณนี้”

ตอนเด็กพวกเราอยู่กับบิดาจริง แต่ว่าพวกเรายังคุยกับม่าม้าตลอด?

แตงโม : “ใช่จ้ะ เขาจะตกลงกัน เสาร์-อาทิตย์ ไปอยู่กับแม่ ปิดภาคเรียนไปอยู่กับม่าม้า วันปกติก็จะอยู่กับป๋า”

แล้วตอนที่ไม่มีการติดต่อกับแม่ไป ตอนวัยไหน?

แตงโม : “น่าจะเป็นตอนที่เข้าแวดวงมาแล้วครู่หนึ่ง ที่ห่างกับแม่เพราะเหตุว่าในขณะนั้นแม่ก็แต่งงานด้วย ม่าม้าสมรสกับคุณท่านนึง ซึ่งพวกเราเองก็อยากที่จะให้เกียรติยศด้วยที่จะไม่เอ่ยถึงเขา เนื่องจากว่าเขาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว”

มีอยู่พักนึงที่แม่กับบิดามานะดีกัน แม้กระนั้นไปไม่รอด?

แม่ : “ใช่จ้ะ ขณะนั้นเพียรพยายามอยู่นานพอควร ก็มีเงื่อนไขว่าป๋าจะต้องเลิกดูดบุหรี่ พ่อทำไม่ได้ เนื่องจากน้องเป็นโรคภูมิแพ้เลย แม้กระนั้นพ่อทำไม่ได้ ให้ทำเพื่อลูกนะ มิได้ทำเพื่อพวกเรา ข่าวบันเทิง เขาทำไม่ได้แล้วเขาไม่ทำ ก็จบ ชีวิตเขาก็ดำรงอยู่กับยาสูบ”

ในเวลานั้นได้โอกาสได้กลับมาคืนดี กลับมาคุยกัน นานไหม?

แม่ : “ไม่ดี ไม่นาน”

แตงโม : “น้องราวๆ 5 ขวบ”

แม่ : “แม่ขี้อารมณ์เสีย ถ้าเกิดพูดไม่เข้าใจ”

แตงโม : “แม่จะเป็นผู้ที่เจ้าระเบียบมากมาย เป็นเป็นสาวไทยที่ศีรษะโบราณ อยู่กับม่าม้า ม่าม้าจะกล่าวว่าห้ามบดเสียงดัง ห้ามนั่งกระดุกกระดิกขา เวลาไปตรงไหนห้ามจับบันไดเลื่อน ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ คุณแม่จากไปอย่างสงบแล้ว เป็นถนุถนอมราวกับบุตรสาวฝัน โตมาต้องการให้ลูกไปเรียนเปียนโนบ้าง เรียนอะไรที่เป็นสตรี พวกเราก็ไปทดลองทำทุกๆอย่างที่แม่ต้องการที่จะให้ทำ แม้กระนั้นเนื่องจากว่าพวกเราเองมิได้ใจรักขนาดนั้น โมเป็นหญิงแมนๆก็เลยไม่เป็นผลสำเร็จสักอย่าง”

ได้อะไรมาจากแม่?

แตงโม : “เอาจริงเอาจังๆก็เยอะแยะ เนื่องจากหากพินิจจากนิสัย เจ้าระเบียบได้แม่มา ความรักงามรักสวย ได้เรื่องโรแมนติก ได้สมองฝั่งศิลป์ นึกออกว่าตอนเด็กๆเวลาไปอยู่กับม่าม้า คิดออกว่าในตอนนั้นแม่เรียนแฟชั่นออกแบบ และจากนั้นก็มีแบบชุดหนูก็ระบายสีเล่น เวลาไปอยู่กับม่าม้าก็แอบเอาลิปม่าม้ามาทา เสริมสวย แต่ก่อนแม่เป็นผู้แสดงอยู่ค่ายรัชฟิล์มถ่ายรูป

เอาจริงเอาจังๆก็ถ่ายทอดมาจากม่าม้า?

แตงโม : “จริง จะได้นี้มาจากม่าม้า”

แล้วเพราะอะไรตอนเด็กๆถึงย้ายบ้านหนีแม่?

แตงโม : “แม่แต่งงานใหม่ ตัวโมเองก็ปฏิบัติงานออกจะเยอะๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าวโอเค พวกเราต่างคนต่างอยู่ดีกว่า เป็นพวกเราคิดเอง พวกเราไปดียิ่งกว่า โดยที่มิได้บอกอะไรแม่เลย ในขณะนั้นเป็นตอนที่ตัวโมเองยังเป็นวัยรุ่นที่ยังคิดมิได้ มีความรู้สึกว่าคุยกันทีไรไม่ค่อยเข้าใจ ทัศนคติไม่ค่อยลงรอยก็เลยหนี”

พอลูกหนี แม่ตามหาไม่พบ พวกเรารู้สึกอย่างไรบ้าง?

แม่ : “ก็ต้องตามจนถึงพบ ตามไปเขาใหญ่ ช่อง 7 ตามคอนโดต่างๆที่อยู่ในตรอก บางที่มิได้พบตัว แต่ว่าพบของใช้ เท่านั้นก็เพลิดเพลินใจว่าเขาอยู่นี้นะ”

ทราบไหมว่าแม่เขาตาม?

แตงโม : “ตอนต้นมิได้ทราบอะไร แม้กระนั้นมีอยู่วันนึงถ่ายละครอยู่ คราวก่อนการที่ช่องจะเรียกพวกเราเข้าไปมีความหมายว่าพวกเราจะต้องทำอะไรไม่ถูกมากมายแน่นอนเลย เขาเรียกว่าห้องดำ ประเสริฐลูกสาว พอดิบพอดีม่าม้ามาตามหาที่ช่อง พวกเราก็เอาแล้วทำอย่างไรดี โมก็รู้สึกว่าแม่ไปทำอะไรที่ช่องเพราะเหตุไรไม่มาหาตามกองถ่าย โมเสียวเลยว่าโมทำอะไรไม่ถูกหรือไม่ วันนั้นโมจะต้องถ่ายละครต่อ เลยโทรศัพท์คุยกัน”

เพราะเหตุไรแม่ไปดังที่ช่อง?

แม่ : “พวกเราจำเป็นต้องใช้ความคิดคิด เดี๋ยวนี้หายไป เบอร์โทรศัพท์ไม่มีแล้วจะไปพบลูกที่แหน่งใด เป็นขอให้มีการติดต่อได้แค่นั้น ก็ไปได้เบอร์จากข้าราชการในนั้น ก็แค่นั้นโทรศัพท์หาเขาแล้วคุยกัน แล้วป๊ะป๋าเขาก็โกรธกล่าวว่าออกมาจากตรงนั้นเดียวนี้ มาเพราะเหตุใด ก็บอกเขาว่าฉันมาตามลูก”

ที่กล่าวว่าตามพบทุกที่ นั่นหมายความว่าหนีหลายที่?

แตงโม : “จริงๆมันก็มิได้มากมาย ราวๆ 2 ครั้ง”

แม่ : “บิดาพาหนี ไม่ใช่น้องโมหนีเอง”

แม่โกรธไหมในช่วงเวลาที่เขาหนี?

แม่ : “เพียงพอตามพบก็ไม่โกรธนะคะ”

ตอนเด็กที่พวกเราหนีแม่ไปกับบิดา มีแอบคิดไหมว่าแม่ไม่รักพวกเรา?

แตงโม : “อันนี้เป็นเงื่อนตั้งแต่เด็กๆเลย เนื่องจากว่าม่าม้ามีพี่ชายมาก่อน แต่ว่าคนละป๊ะป๋ากัน พวกเราจะรู้สึกว่าแม่รักพี่ชายมากยิ่งกว่า เนื่องจากเขาเป็นลูกคนแรกรวมทั้งเป็นลูกชาย พวกเรามีความคิดว่าเพราะอะไรคนสองคนมีลูก แต่ว่าเพราะเหตุไรไม่ยินยอมคืนดีกันเพื่อลูก พวกเราคิดว่าเพราะเหตุไรคนแก่สองคนนี้เขามิได้รักพวกเราจริงหรอ ถ้าเกิดเขารักพวกเราจริง เขาจะต้องทนอยู่กันได้เพื่อลูก อันนี้เป็นความนึกคิดของในระหว่างที่เป็นเด็ก แม้กระนั้นเพียงพอพวกเราโตขึ้นมาพอที่จะรู้เรื่องรู้ราวแล้ว เริ่มมีคนรัก ได้ประสบการณ์ความรักของตน รวมทั้งจากการที่พวกเรามีลูกเอง พวกเราขะรู้เรื่องแม่มากขึ้น”

แม่ทราบไหม ตอนเด็กๆเขาคิดแบบงี้?

แตงโม : “ทราบๆแม้กระนั้นแม่ไม่ต้องการที่จะอยากทำลายครอบครัว เป็นป๋ารักเขามากมาย ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างไปรับ ไปส่งกองถ่าย เขาอยู่กับบิดาดีแล้วกว่าไปอยู่กับผู้อื่น พวกเราก็ปลดปล่อยเขาไป แม้กระนั้นขอเพียงแค่พวกเราตามให้พบ เท่านั้น”

มันเป็นเงื่อนในใจไหมว่าบิดามารดาพวกเรา ไม่เสมือนบิดามารดาบ้านอื่น?

แตงโม : “ยุคที่โมเด็กๆเขายังคงใช้คำว่าเด็กมีปัญหาถ้าหากคุณพ่อคุณแม่เลิกร้าง ในยุคนั้นโมฝังใจกับคำนี้มากมาย แล้วโมก็ต้องการให้คุณพ่อและก็คุณแม่มาดีกันในตอนเด็กเพียงพอโตมาพวกเราได้เป็นแม่เอง พวกเราเคยมีความรัก โมมีความคิดว่าโมโชคดีนะที่คุณพ่อและก็คุณแม่ไม่ดีกัน เนื่องจากพวกเรามีความคิดว่าถึงแม้ว่าจะคืนดีกันแล้วมาทะเลาะเบาะแว้งต่อหน้าต่อตาพวกเรา โมว่าไม่คุ้ม มันจะเป็นภาพติดตาพวกเราทั้งชีวิต ดังนั้นให้แนกกันอยู่ แล้วเจอะกันด้วยการนึกถึงดียิ่งกว่า”

อายุเท่าไร ในขณะที่พวกเราเริ่มคิดได้?

แตงโม : “ในเวลานั้นคงจะราวๆ 16 เป็นไม่อยากที่จะให้พ่อ ม่าม้ามาดีกันแล้ว มีความรู้สึกอย่างงั้น เพราะเหตุว่าถ้าเกิดมาวิวาทให้พวกเรามองเห็น พวกเราจะเป็นผู้ที่ได้รับพลังลบผู้เดียวเลย”

นานแค่ไหนที่พี่โมกับแม่ แยกออกมาจากกัน ไม่ต่อเนื่องกันเลย?

แตงโม : “เคยเกินปีนะ 3 ปีเคยมี”

แม่ : “มิได้คุย มิได้พบ คุยแม้กระนั้นโทรศัพท์”

แล้วมันกลับมารักกัน สนิทกันตั้งแต่เมื่อไร?

แตงโม : “อดีตสมัย พวกเราก็กำหนดไว้แน่ชัดว่าพวกเราอยู่กับบิดา พบกับแม่เป็นบางครั้ง มีอยู่ตอนนึงราวๆ 1-2 ปีที่ผ่านมา โมป่วยหนักมากมายๆเป็นโมเป็นหม่นหมองหนักมากมายในตอนที่พ่อก็พึ่งเริ่มป่วยไข้ แล้วโมมีเรื่องมีราวส่วนตัวที่โมเจ็บหนักมากมาย รวมทั้งเศร้าใจมากมาย ไม่อาจจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง โมก็เลยไปโรงหมอ อยู่ในวอร์ดจิตเวชศาสตร์โดยประมาณ 7 วัน โมคิดว่าอยู่ในนั้นคล้ายอยู่ในเรือนจำดีๆนี่แหละ ทุกสิ่งติดต่อสื่อสารกันมิได้ ห้ามคนเจ็บคุยกัน แล้วมีความคิดว่าในขณะนั้นไม่ทราบสึกอะไร ต้องการโทรศัพท์หาม่าม้า ต้องการบอกแม่ว่าพวกเราป่วยนะ ด้วยเหตุว่าป๋าก็มายอดเยี่ยมทุกวี่วันอยู่แล้ว แม้กระนั้นแม่ยังไม่รู้เรื่องเลยว่าลูกตนเองเป็นอะไร ด้วยเหตุนั้นขอคุณพี่พยาบาลว่าขอโทรศัพท์หาม่าม้าหน่อย โมจะบอกไว้เลยว่าผู้ใดกันบ้างที่โมจะให้เข้าเลิศ แล้วคนไหนกันบ้างที่โมจะรับสายหรือโทรออก โมก็โทรศัพท์หาแม่ บอกม่าม้าว่าน้องป่วยหนัก”

แม่ : “แม่ไม่คิดว่าเขาจะป่วยไข้ขนาดนี้ที่จะจะต้องเจอแพทย์จิตเวชศาสตร์ พอเพียงไปก็มองเห็นห้อง มองเห็นบรรยากาศ ตกอกตกใจนี่ลูกพวกเราเป็นถึงขั้นนี้เลยหรอ ก็เข้าไปกอดเขา คุยกันยาวมากมายตั้งแต่ 6 นาฬิกาเย็นถึงเที่ยงคืน”

แตงโม : “พวกเราคุยกัน แล้วแม่ก็เล่าบางเรื่องที่พวกเราไม่เคยทราบในยุคเด็ก แล้วพวกเรามีความคิดว่าแม่รักพวกเรานะไม่ใช่ไม่รัก และเป็นห่วงพวกเรามากมายๆโมมีความคิดว่าเรื่องนั้นในความไม่สบายของพวกเรา ในวิกฤตของพวกเรา โมมีความคิดว่าพระผู้เป็นเจ้าจำเป็นต้องทดลองอะไรพวกเราอยู่ ให้บททดลองที่ค่อนจะหนักมากมายๆแม้กระนั้นโมมีความรู้สึกว่าจุดหมายของพระผู้เป็นเจ้าต้องการที่จะให้พวกเราได้อะไรจากที่ตรงนั้น โมเลยมีความรู้สึกว่าจากเรื่องห่วยๆในวันนั้น โมได้แม่คืนมาทั้งคน โมคิดว่ามันเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย”

แปลว่าวันนั้นเป็นวันปลดล็อกพวกเราเลย?

แตงโม : “ใช่จ้ะ”

ที่หายมาได้ส่วนนึงเป็นเนื่องจากแม่?

แตงโม : “ส่วนนึงก็เพราะเหตุว่าแม่ด้วย”

หมายความว่าชีวิตพวกเราเพิ่งเปลี่ยนแปลงได้ 2-3 ปีนี้เอง?

แตงโม : “ใช่จ้ะ เพิ่งจะกลับมาสนิทกับแม่ คราวก่อนเสมือนสนิทกันในความรู้สึกแม่ ลูก รู้เรื่องรู้ราวเป็นมา เป็นไปของกันและกันแบบห่างๆแม้กระนั้นไม่ลึกมากมายพอๆกับ 2-3 ปีที่ล่วงเลยไปเป็นในตอนปลดล็อกที่โมอยู่โรงหมอ แล้วก็อีกรอบเป็นตอนๆที่ม่าม้ามาหาในเวลาที่ป๊ะป๋าป่วยหนัก ม่าม้ามาอยู่กับป๋าเกือบจะทุกวี่วัน แล้วโมรู้สึกว่านี่แหละภาพที่โมต้องการมองเห็น แล้วในที่สุดผู้ที่เคยรักกัน เขาเป็นห่วงเป็นใยกัน แล้วโมคิดว่ามันมีวาระของมันที่จะกำเนิดในสิ่งที่พวกเราต้องการให้กำเนิด”

เพราะเหตุไรเวลานี้ม่าม้าตกลงใจมาดูแลพ่อ?

แม่ : “จริงๆในตอนนั้นแม่ก็ไม่ค่อยสบายอยู่แล้ว เป็นไทแก่ตัวรอยด์ ป๋าเนี่ยเป็นผู้ที่ไม่ฟังคนไหนกันแน่ ดื้อรั้น ฉันใหญ่ผู้เดียว ข้าเก่งผู้เดียว นี่มิได้ว่านะ มันก็จะเป็นบทเรียนให้แด่คุณผู้ชมที่มองอยู่ได้รู้เรื่องเพราะสิ่งที่ป๊ะป๋าทำมันไม่ถูก มันไม่ใช่แค่สตรี เพศชาย นอกใจกัน หญิงไม่ถูก เพศชายไม่ถูก มันไม่ใช่ แต่ว่าของป๊ะป๋ามันเกิดเรื่องอารมณ์ เขาเป็นผู้ที่มีอารมณ์โกรธ กราดเกรี้ยว ใจร้อน”

ตอนป๊ะป๋าป่วยหนัก ม่าม้าได้นั่งสะสางหรือบอกอะไรให้ท่านบิดารับทราบไหม?

แม่ : “ป๋าป่วยไข้โดยประมาณ 2 เดือน อยู่ในภาวะรุนแรง พวกเราก็ดูแล ว่าจ้างพยาบาล แล้วม่าม้าเนี่ยความรู้สึกบอกตรงๆพวกเราหย่ากันมา 30 ปี แต่ว่าเพราะเหตุใดจะต้องไปดูแลเขา พวกเราเป็นห่วง เขาไม่มีผู้ใด เขามิได้สมรสใหม่ พวกเราก็ไปดูแล ไปนั่งคุย ในตอนนั้นยังพอเพียงคุยได้อยู่ เขาก็ขอม่าม้าประสานมือ พวกเราก็ให้จับ ก็นั่งประสานมืออยู่อย่างงั้นจนกระทั่งเขาหลับไป”

แตงโม : “เป็นภาพที่โมคอยมาชั่วชีวิต”

แม่ : “สรุปแล้วเขาเป็นโรคมะเร็งที่ปอด เรื่องจากดูดบุหรี่ แล้วเขาก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นพวกเราก็จำเป็นต้องนั่งเฝ้า”

แตงโม : “พ่อจะขอประสานมือแม่ เสมือนเขาอยากได้พลังใจ”

แม่ : “เสมือนเขามีความรู้สึกว่าพวกเราทิ้งเขาไป แม่ก็ให้ทุกสิ่งทุกอย่างในสิ่งที่น่าจะให้ ก็บอกเขา บิดาพวกเรามาเจอะกันตอนแก่นี่นะ ตอนดีๆพวกเราก็มิได้บอกกันดีๆก็ขออโหสิกรรมต่อกัน ขอให้พ่อไปดี แล้วม่าม้าก็จะดูแลน้องโมอย่างยอดเยี่ยม ป๊ะป๋าเชื่อถือคริสต์”

ถ้าหากบิดามองเห็นช็อตนี้ที่โมมาออกรายการกับม่าม้า มีความคิดว่าป๊ะป๋ารู้สึกอย่างไร?

แตงโม : “บิดายิ้มอยู่ด้านบนแน่นอนด้วยเหตุว่าไม่ว่าว่าจะไปอยู่กับไม่ว่าใคร ในที่สุดก็ไม่น่าไว้วางใจเท่าแม่พวกเราเอง คิดว่าหมดบิดาไปแล้ว ก็มีม่าม้ากับคุณลูกที่จำเป็นต้องอยู่กันสองหญิงรับใช้ชีวิตถัดไปให้ได้อย่างสุขสบาย”

มีอะไรต้องการจะบอกม่าม้าคนนี้ไหม?

แตงโม : “สำหรับน้องแล้ว เรื่องก่อนหน้าที่ผ่านมาทั้งหมดทั้งปวง น้องจำไม่ได้แล้ว น้องลืมทุกๆความรู้สึกไม่ดี น้องจัดการทุกความรู้สึกไม่ดีออกมาจากดวงใจหมดแล้ว เดี๋ยวนี้น้องคิดได้แล้วจากการจากที่น้องมีลูกเอง แม้มิได้ตั้งครรภ์มา แม้กระนั้นน้องรู้ดีว่าการเลี้ยงลูกอ่อนมันจำเป็นต้องถนอมมากมายๆ แล้วสิ่งที่ขาดไม่เป็นพวกเราเป็นเชื้อสายเดียวกัน ราวกับที่แม่มีน้องขึ้นมาเวลาที่คุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ยังไม่พร้อม แม้กระนั้นม่าม้าก็ต้องการมีน้อง รวมทั้งให้น้องมาถึงทุกๆวันนี้ ขอบพระคุณๆที่แม่ไม่เคยไปไหน น้องหันไปก็พบม่าม้าทุกคราว ขอให้ม่าม้ามีสุขภาพทางกายแข็งแรง”

แม่ : “น้องโมเขาแข็งแกร่งขึ้นมากมาย แล้วดูแลตนเองได้ มันเกิดเรื่องขบขันเพราะน้องโมในแวดวงซ่า แล้วคุณก็ไม่ใช่เพศหญิงเต็มกำลัง คุณเกเร แม้กระนั้นวันนี้น้องโมเสมือนแมวที่ได้ทราบสึกตัวว่าต่อแต่นี้ไปจำเป็นต้องประพฤติตัวยังไงกับม่าม้า กับเพื่อนพ้องๆต้องการที่จะให้เขาเป็นสตรีมากยิ่งกว่าเพศชาย อยากที่จะให้สุภาพมากยิ่งกว่านี้ บอกกับม่าม้าเพราะว่าๆ”

ท้ายที่สุดบุตรสาวแม่ก็จบแล้ว ภายหลังที่บากบั่นมากี่ปี?

แตงโม : “ใบปัจจุบันเป็นหลักสูตรที่เรียน 2 ปีครึ่ง แม้กระนั้นไม่นับในเวลาที่เป็นเด็กๆนะ หากเรียนตามเกณฑ์โมทดลองแล้ว ที่มัธยมรังสิต และก็อีกหนึ่งครั้งที่ ธุรกิ

Author: Seo-Ice